หลายคนอาจจะรู้จักฟ้าใสว่าเป็น Miss Universe Thailand 2019 แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้ง่ายเลย ใช้เวลา 6 ปีกับ 6 เวทีการประกวด มีความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้น ทั้งรู้สึกท้อ เฟล ดีไม่พอ ล้มเหลว กว่าจะได้ครองมงกุฎนี้
An Introvert Nerd
ตอนเด็กฟ้าใสเป็นคนไม่กล้าพูด และเป็นเด็กเนิร์ดด้วย แต่มีครูได้มาชวนไปประกวดนางงาม ทำให้มีโอกาสได้ลองประกวดมิสไทยแลนด์ไชนีสคอสมอส ปี 2013 ซึ่งได้รอง 2 และได้เข้าร่วมเวทีอื่น ๆ รวมทั้ง 3 เวทีนี้ทำให้ฟ้าใสมีความฝันอยากได้มงกุฎของเวที Miss Universe Thailand รู้ว่าเขาต้องการคนที่มีโปรไฟล์ดี เป็นแบบให้กับคนรุ่นใหม่ได้ ทำให้ในช่วงที่กลับไปเรียนที่แคนาดา มีความตั้งใจว่าทำยังไงให้ได้เกียรตินิยมจากตอนนั้น GPA 2.575 ที่ได้ B กับ C คือต้องได้ A 18 จาก 20 วิชาเท่านั้น
Big Dreams, Small Steps
มันเป็นสิ่งที่ใหญ่มากๆ แต่แทนที่จะมองภาพใหญ่ ฟ้าใสเลยเลือกมองภาพเล็กเป็นทีละก้าว โดยดูทีละวิชาว่าต้องทำคะแนนสอบ และงานต่างๆยังไง เป็น Checklist พอทำได้ก็ติ๊กว่าทำได้ ทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการทำต่อไป
ในที่สุด 20 วิชาก็ได้ A+,A,A- ทุกวิชา ซึ่งถือเป็นความสำเร็จนึงในชีวิต
PREPARE
กลับมาที่ไทย ก็เลยเตรียมตัวให้พร้อมโดยไปเรียนการพูดในที่สาธาณะ จ้างเทรนเนอร์ออกกำลังกาย เรียนประวัติศาสตร์ไทย แต่งหน้าทำผม ทุกอย่าง 2 ปี จนเข้ามาประกวด Miss Universe Thailand 2017
ในปีนั้นเรามีความคาดหวังไว้สูงมาก เพราะเชื่อว่าเราเตรียมตัวมาดี โดยมองว่าจุดเด่นตัวเองคือ เรียนจบนอก ได้เกียรตินิยม สูง หน้าตาเป็นเอกลักษณ์ แต่สิ่งที่เจอคือปีนั้นเจอพี่มารีญา พูลเลิศลาภ ทั้งสูงกว่า จบการศึกษาดีกว่า หุ่นดีกว่า อยู่ในวงการ ดีกว่าทุกอย่าง เหนือฟ้ายังมีฟ้า
Comparing myself to others
จนรู้สึกนอย เพราะคาดหวังมาก กดดันมาก ทำให้ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง มานั่งคิดว่าควรจะพูดยังไง เดินยังไง และเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นตลอดเวลส จนกลายเป็นว่าหาจุดเด่นตัวเองไม่เจอ
สุดท้ายพี่มารีญาก็ชนะ และเราได้รองสองในปีนั้น ซึ่งเรารู้สึกท้อ ใกล้แค่ไหนก็ไม่ใกล้ เฟล และกลายเป็นตำนานนางรอง เพราะทุกเวทีเป็นได้แค่รอง พยายามสุดความสามารถก็ได้แค่นี้
LOST
ตอนนั้นรู้สึกหลงทาง เพราะเป็นจุดหมายอันเดียวที่มีตลอด 2 ปีตลอดการเตรียมตัว ตอนนั้นถามกับตัวเองว่าแล้วอะไรต่อ แต่โชคดีที่ตอนนั้นทีมงานได้หยิบยื่นโอกาสให้เป็นตัวแทน Miss Thailand Earth 2017 ไปแข่งที่ฟิลิปปินส์
สิ่งที่มันแตกต่างคือ ฟ้าใสไม่ได้มีความกดดันและคาดหวังอะไร เป็นตัวของตัวเอง ทำให้ทำกิจกรรมอย่างมีความสุข และผลที่ได้คือเป็น Top 8 Miss Earth 2017 แต่ไม่ได้รู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรเลย
“Be yourself and the right people will love the real you.” (เป็นตัวของตัวเองและคนจะที่ใช่จะรักเราในแบบที่เราเป็น)
ฟ้าใส Miss Universe Thailand 2019
.
1 ปีหลังจากนั้น…
ได้ทำงานในวงการบันเทิงได้เงินเดือน 15k – 18k ต่อเดือน แต่ค่าเช่าห้องก็ 12k ต่อเดือนแล้ว ทำให้เงินไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ และปลายปีเงินไม่พอใช้ ในช่วงปลายปีได้มีโอกาสไปเจอเพื่อนรูมเมทที่ประกวดด้วยกัน เขาไม่ได้เข้ารอบในวันนั้นแต่วันนี้เขาเป็นเจ้าของชานมไข่มุก มีบริษัทที่ได้เงินเดือนหลักล้าน มีแฟนกำลังแต่งงาน ทำให้ย้อนกลับมามองตัวเองแล้วรู้สึกนอยว่า แล้วชีวิตของฉันกำลังทำอะไรอยู่
Everyone has their own path
ใช้เวลานานมาก กว่าจะเข้าใจว่าแต่ละคนมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง โดยเส้นทางตัวเองยังเป็นนางงามอยู่
จุดเปลี่ยนแปลง
ในช่วงปลายปีได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของ Designer ในการร่วมการประกวด Miss Universe Thailand 2018 และมี FC ทักเข้ามาว่าอยากเห็นพี่ฟ้าใสประกวดอีกครั้ง แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจแม้ FC จะพูดว่าเราดียังไง เพราะตอนนั้นเราอยู่ใน Negative Mindset ที่เคยล้มเหลวจนได้คุยกับคุณพ่อและคุณพ่อบอกว่า
“ทำไมคนอื่นเห็นศักยภาพในตัวเรา แต่เราไม่เห็นตัวเองเลย”
WHAT IF
ถ้าเกิดฉันได้ทำสิ่งนั้นในอดีต ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน และไม่อยากมีความรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอีก เลยอยากลองอีกสักตั้ง เลยได้ตัดสินใจกลับไปประกวด Miss Universe Thailand 2019
Strong-minded
การมาครั้งนี้ทำให้แข็งแกร่งมากขึ้น เข้าใจว่าทุกเวทีจะต้องเจอ anti-fans, cyberbullying และคำว่าตำนานนางรอง ทำให้เรากลัวความล้มเหลว เราชอบทุกคนบนโลกนี้ไหม ขนาดเรายังไม่ชอบ ฉะนั้นเราคาดหวังให้ทุกคนชอบเราไม่ได้
Be yourself
มุ่งหน้าต่อไปและเชื่อในตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง คนอื่นมีจุดเด่นนะแต่เราก็มีจุดอื่นที่เด่นนะ
ทุกก้าว “คุ้มค่า”
ในที่สุดก็ได้ Miss Universe Thailand 2019 และ Top 5 Miss Universe
“ถ้าคุณมีเป้าหมาย อยากให้คุณกล้าที่จะลงมือทำ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และมุ่งมั่นต่อเป้าหมายนั้น เพราะว่าสักวันจะเป็นวันของคุณ”
สรุปเนื้อหาจาก Talk: จากนางรองสู่การครองมงกุฎ The Mindset to Conquer ใน TEDxChulalongkornU 2024