Skip to content Skip to footer

สร้าง Audience Engagement ในงาน Conference ด้วย CRM-Loyalty Program แบบไม่ต้อง Dev

จบลงไปแล้วกับอีกงาน Conference งาน DATA+AI Day 2024 งานนี้เซฟได้มาช่วยดูแลในส่วนลงทะเบียนและระบบพอยท์สะสมคะแนนในงาน รวมทั้งได้เป็น MC Foyer ในหลายๆช่วง สนุกมากกก เลยอยากจะมาแชร์วิธีการคิดและ Implement ระบบที่ทำให้คนร่วมงาน Engage กับกิจกรรมและบูธในงาน มากกว่าแค่มาฟัง จากประสบการณ์ที่ดูแลงาน Game Changer และ Data+AI Day

ระบบสะสมคะแนนในงานอีเวนท์

ในงานจะมีกิมมิคคือสามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ของงาน พูดคุยกับบูธ ถ่ายรูป ก็จะได้รับคะแนนมาแลกของรางวัล

ก็ทั่วไปหนิ ? หลายงานก็มีใช้หนิ ไม่เหมือนคับ แตกต่างแน่นอนคับ !!

ระบบของงานนี้ เซฟเลือกใช้ระบบที่เป็นลักษณะ points แบบ wallet ไม่ใช่บัตรสะสมสแตมป์ที่เป็นสะสมครบกี่ดวงแล้วแลกของรางวัล เพราะ…

  • อิสระกว่าในการจะปรับเงื่อนไขต่างๆ เช่นการเข้าร่วมกิจกรรมที่แตกต่างกัน จะได้คะแนนต่างกันตามความยากง่าย
  • ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกของรางวัลที่อยากแลกเองได้
  • ป้องกันการโกง และง่ายต่อการจัดการ ซึ่งระบบบัตรสแตมป์ที่หลายคนชอบใช้อาจไม่รู้ว่ามีสแกนซ้ำได้ ถ้าคนถ่ายเก็บไว้ แม้ไลน์จะทำฟีเจอร์เช่นต้องสแกนใช้บริเวณร้าน หรือวันนึงได้กี่ครั้ง แต่มันไม่เหมาะกับอีเวนท์เท่าไหร่เลย

ซึ่งจากความต้องการก็เลยไปใช้ระบบ MyCustomer | CRM ของ LINE 🎉 ที่เป็นระบบ Loyalty Program ที่ตอบโจทย์ตามที่ต้องการได้ ในระบบสามารถ Custom UI ได้ มีระบบให้แต้ม แลกรางวัล เพิ่มคำถามตอนสมัครได้ รวมทั้งช่วยเพิ่มจำนวนเพื่อนในไลน์



ฟีเจอร์นึงที่ชอบคือมี Unique qrcode ให้ เวลาผู้ใช้สแกนรับแต้มเสร็จ คิวอาร์นั้นจะใช้งานไม่ได้อีก ซึ่งเราสามารถปรินท์มาแจกตามบูธ และคนดูแลกิจกรรมได้ ทำให้ไม่ต้องมานั่งกดให้พ้อยท์ทีละคน ให้ผู้ใช้เอาไปสแกนเอาเอง staff ก็จะมีเวลาดูแลคนอื่นได้มากขึ้น สร้าง Experience ที่ดีกว่า


คะแนน และ ของรางวัล 🎁

ในงานมีการ Engage ให้ผู้เข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ในงานผ่านการสะสมคะแนนแล้วนำไปแลกรางวัลที่อยากได้

ตอนออกแบบจะเริ่มจากดูกิจกรรมก่อนว่าอยากให้คนทำอะไร ตรง touchpoints ไหน เช่น ตรงบูธ sponsor, กิจกรรมของงาน รวมทั้งกิจกรรมเล่นเกม หรือร่วมสนุกในฮอลล์เองก็ตาม รวมทั้งมีการออกแบบ Easter Egg แต้มฟรีที่ซ่อนในงานเพื่อช่วย boost up คะแนนในช่วงที่ต้องการให้คนอยู่ในโซนที่เราต้องการ หรือเป็นการพูดคุยกับทีมงานเพื่อรับแต้ม

อย่างตอนงาน Game Changer ผู้เข้าร่วมจะมีแต้มเริ่มต้นให้ 50 points เพราะจะทำให้เขารู้สึกอยากเล่นมากกว่าเริ่มต้นที่ 0 เวลาเห็นคนอื่นจะรู้สึกว่าตามได้ไม่ยาก (อิงตามหลักจิตวิทยา Goal Gradient Effect)

ซึ่งเวลาออกแบบการให้แต้มจะดูว่ากิจกรรมไหนที่ได้ง่าย/ฟรี และกิจกรรมไหนต้องใช้แรงในการได้มา โดยแต้มจะต้องไม่เฟ้อ แบบได้ง่ายจนที่ทำให้ทุกคนได้เท่ากัน และต้องทำให้คะแนนไม่ตีห่างแบบเว่อร์จนเกินไป และมีแจกแต้มเยอะเพียงพอที่ทำให้คนอยู่กับเราได้ทั้งงาน

ส่วนของรางวัล เซฟจะดูจากความต้องการของคนมากกว่ามูลค่า ถ้าของชิ้นไหนคนอยากได้เยอะ จะให้ใช้คะแนนในการแลกที่สูงกว่า และออกแบบให้เมื่อแลกของรางวัลแล้ว การที่จะแลกชิ้นที่สองนั้นจะต้องใช้เวลานานกว่า หรือเป็นไปได้ยาก เพื่อให้โอกาสผู้อื่นก็ได้แลก เกิดการกระจายกันของรางวัลเช่น> แต้มเริ่มต้นที่ให้ 50 แต้ม
> กิจกรรมได้ครั้งละ 10-20 แต้ม
> ของรางวัลใช้แต้มอยู่ 150-230 แต้ม
ซึ่งการตั้งแต้มของรางวัลแบบนี้จะทำให้ต้องคิดก่อนว่าจะแลกอะไรเพราะถ้าแลกอันแรกไปแล้วก็จะต้องใช้เวลาในการสะสมใหม่ใช้ความพยายามระดับนึง


Leaderboard ด้วย Looker Dashboard

เป็นสิ่งที่พิเศษกว่างานอื่นๆคือ เรามี Dashboard ที่จะแสดง Leaderboard ว่าใครสะสมคะแนนได้มากที่สุดเพื่อ engage ให้คนยังเข้าร่วมกิจกรรมตลอดงานแม้รางวัลย่อยแบบใช้แต้มจะไม่เหลือแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสได้รางวัลใหญ่จากการสะสมคะแนนได้ Top 5
.
ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้หลายคนรู้สึกว่า ยอมกันไม่ได้ อยากแข่งขันให้ตัวเองได้ติดอันดับก็ยังดี
.
ทั้งนี้ในงาน Data+AI Day มี gimmic ที่เพิ่มจากงาน GameChanger คือ สามารถเลือกทีมได้ว่าจะอยู่ทีม “ขุนศึก DATA” 🆚 “ขุนพล AI” และจะมี energy bar 📊 ที่แข่งกันว่าทีมไหนทำคะแนนได้เยอะกว่ากัน เพื่อกระตุ้นให้คนร่วมกิจกรรมได้มากขึ้น
.
โดย Leaderboard ทำจาก Looker Studio ที่มีการเชื่อมข้อมูลกับ Google Sheet ทำให้ได้ข้อมูลแบบ Realtime ที่เหลือคือเป็นการนำเข้าข้อมูลมาลงระบบเอง (ติดข้อจำกัดที่ MyCustomer ยังไม่เปิด API ให้เชื่อมต่อ ทำให้อาจจะไม่เรียลไทม์แบบ Transaction)
.
ซึ่งกิจกรรมได้รับความสนใจมากและ Feedback ออกมาดีมากทั้งในมุมของบูธ Sponsor ที่มีคนมาพูดคุยกับเขา และในมุมของ Audience ที่สนุกและอยากได้คะแนนกัน 😂
.
.
สำหรับใครที่สนใจติดต่องานทำระบบ ดูแลอีเวนท์ หรืออยากให้ไปเป็นวิทยากรติดต่องานได้นะคับ

Leave a comment