Skip to content Skip to footer

27 Key Takeaways จากงาน Talk เราต่างมีฤดูที่ผลิบานเป็นของตัวเอง โดย อ.คิมรันโด

Cover-27TakeAway

“เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด” หลายคนที่เคยเดินเข้าร้านหนังสือ เชื่อว่าจะต้องเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นหนังสือ BESTSELLER ที่ครองใจวัยรุ่นไทยมานานถึง 11 ปี!

วันศุกร์ที่ผ่านมาทางสนพ.ได้จัดงาน Talk ในหัวข้อ ‘เราต่างมีฤดูกาลที่ผลิบานเป็นของตัวเอง’ พบปะนักเขียน ‘อ.คิมรันโด’ และแจกลายเซ็น

ซึ่งได้จด 27 Key Takeaways มาแบ่งให้ผู้อ่าน

1.Era of Frustration — วัยรุ่นยังเจอความเจ็บปวดในทุก ๆ วัน แม้สังคมและโลกถูกพัฒนาไปอย่างมากในทางที่ดี แต่เยาวชนยังพบเจอปัญหาที่หนักขึ้นเรื่อยๆ โดยมี 2 สาเหตุ เศรษฐกิจและการเมือง ที่เกิดวิกฤตการเงิน รวมทั้งการหางานที่ดีในสังคมเป็นสิ่งที่ยากขึ้น อีกหนึ่งปัจจัยคือ การพัฒนาของ Social Media แม้เป็นเครื่องมือที่ทำให้ติดต่อและค้นหาได้ง่ายขึ้น แต่มีข้อเสียคือทำให้เปรียบเทียบตัวเองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เรารู้สึกด้อยค่า

2.เรื่องที่สนุกที่สุดในชีวิตของคุณคืออะไร จริง ๆ แล้วคำตอบคือ “การเติบโต” ลองคิดภาพตามอย่างเล่นเกม เราก็อยากให้มี Lv ที่สูงขึ้น มีพลังมากขึ้น หรืออย่างการ์ตูน pokemon ที่มันเจริญเติบโตแล้วกลายร่าง แม้กระทั่งหนังหรือซีรีย์ที่ดูเราเห็นเขาเจริญเติบโตก็เลยอิน กับเรื่องราว

3.ชีวิตเราเปรียบเหมือน Smartphone เครื่องนึงที่ไม่เปลี่ยนเครื่อง ตอนที่เราซื้อมือถือมาเครื่องใหม่กริบ ไม่มีรอย แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะถ้าจะใช้งานต้องโหลดแอป เก็บข้อมูลต่างๆ ยิ่งใช้ ยิ่งเก่า และช้าลงไปเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกัน โทรศัพท์มีความสามารถมาก ทำได้หลายอย่าง

4.ชีวิตยิ่งเวลาผ่านไป ป่วย แก่ แต่ความรู้ ความสัมพันธ์ของเราจะมากขึ้น

5.เมื่อ ChatGPT เข้ามา คนค่อนข้างตื่นกลัว แต่อ.กลับไม่รู้สึกแบบนั้น เพราะมันเหมือนตอนที่โลกมีคอมครั้งแรก อินเตอร์เน็ตครั้งแรก เครื่องจักรครั้งแรก หลายอย่างเราทำได้ง่ายกว่า แต่บางอย่างสิ่งเหล่านั้นก็ทำได้ดีกว่าเช่น คูณเลขหลักล้าน คอมทำได้ดีกว่า แต่ถ้าแยกสุนัขกับแมว เราทำได้ง่ายกว่า การมีขึ้นของ ChatGPT ไม่ได้มาแย่ง แต่เราต้องแยกแยะระหว่างสิ่งที่คอมกับ AI ทำได้ดี และอะไรที่มนุษย์ทำได้ดี

6.Make your own brand — แต่ละแบรนด์ พูดถึงสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี ใช่ไหม แต่ไม่มีใครบอกหรอกว่าตัวเองมีจุดด้อยอะไร อย่าง iPhone ของ Apple ก็ไม่มีวันบอกว่าตัวเองแบตหมดเร็ว ถ้าไปอยู่ในสังคม เราจะเลือกพูดสิ่งที่เราทำได้ดี หรือจะพูดว่าเราทำได้ไม่ดีตรงไหน ? เราก็จะพูดในสิ่งที่เราทำได้ถูกไหม ขอให้พัฒนาข้อดีและจุดเด่นไปเรื่อย โดยย้อนกลับมามองที่ตัวเอง

7.ลองนึกถึง social media เพื่อนที่สนิทที่สุดดู เรารู้ว่าเพื่อนเราไม่ได้สวยขนาดนั้นแต่ที่ลง Social Media นั้นสวยมากใช่ไหม ไม่ต้องขำหรอกเพราะคุณก็เป็น เรามักจะขี้โม้ผ่านโซเชียลมีเดียว่าเราดูดีแต่จริงๆ เราไม่ได้ดูดีขนาดนั้น การกด like เป็นเหมือนการยอมรับ แต่มันเป็นผิวเผินเท่านั้น

8.เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เราเรียกร้องการยอมรับเสมอ

9.ที่มาของชื่อ Junk food หรืออาหารขยะ เพราะมันไม่ดีต่อตัวเรา อ.มองว่า ยอดไลก์ ก็เป็นเหมือน junk food เรียก junk recognition เพราะไม่ได้ทำให้เราพัฒนาตัวเองในด้านไหนๆเลย

10.การยอมรับ ต้องผ่านการเรียน การลงมือที่ยากลำบาก

11.Duck syndrome — ลักษณะของเป็ด ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำอย่างช้าๆ ดูสวยสง่า แต่ถ้ามองลึกลงไปจริงๆ จะเห็นว่าเท้าของเป็ดเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เช่นกับเวลาเราเห็นคนอื่นอัปรูปความสำเร็จก็รู้สึกมันง่าย แต่เขาไม่ได้อัปโหลดตอนพยายาม

12.เวลาเห็นโพสคนอื่น ทำให้เรารู้สึกด้อยกว่าคนอื่น ตามคนอื่นไม่ทัน แต่รู้ไหมว่าคนอื่นก็คิดแบบนี้เหมือนกัน มองกันและกัน และด้อยค่าตัวเองไปเรื่อยๆ

13.เราพยายามเข้าวงจร ของดี ของแพง ไม่ว่าจะซื้อ ใช้มือ 2 หรือซื้อมาขายไป มันเป็นวงจรอุบาทย์อันยิ่งใหญ่ เพราะมันทำให้เวลาที่เราจะเอาไปฝึกฝน เราโดน Social media แย่งเวลาไป

14.สิ่งสำคัญคือ “การเป็นตัวของตัวเอง” อยากให้เป็น Selfmark มากกว่า Benchmark ที่ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

15.ตัวเราเป็นใคร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตอบมันออกมา มันไม่สามารถรู้ได้ในช่วงเวลาอันสั้น

16.อาจารย์ที่ดีที่สุดคือ กระจก ที่สะท้อนตัวเราเอง อย่างอาจารย์นักเต้นที่ดีที่สุด คิดท่าเต้น สิ่งสำคัญคือต้องมองกระจก

17.(Metaself) พยายามดึงตัวเองออกมาแล้วหันกลับไปมองตัวเองว่าตัวเราประกอบด้วยอะไรบ้าง

18.อย่าพึ่งหมดหวัง แม้ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม แม้ว่าจะทำสำเร็จทำให้เติบโต แต่ผิดพลาดก็ทำให้เราเติบโตมากกว่า

19.ความล้มเหลว ก็เป็นเส้นทางพาให้เราไปเจอความสำเร็จเพราะเราจะคิดว่าจะปรับแก้ยังไง

20.คนมักจะคิดว่าความสำเร็จเป็นธนู ที่ต้องไปปักตรงเป้าหมาย แต่เราอาจเป็นเรือกระดาษ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปที่เป้าหมายได้เร็วเหมือนลูกธนู แต่ก็ค่อยๆไปเรื่อยๆ เหมือนเรือกระดาษที่อาจโครงเครงบ้างแต่ก็ไปถึงจุดหมายได้เช่นกัน เพราะบางทีอาจไม่ได้เป็นตามที่คิดหรือวางแผนเสมอไป

21.ถ้าเปรียบชีวิตเป็นนาฬิกาตอนนี้กี่โมงแล้ว โดนอายุ 80 ปีเท่ากับ 24 ชม. ถ้าตอนนี้เราอายุ 25 ปี จะเท่ากับ 07.30 การที่เราไม่ได้ทำอะไรสักอย่างในช่วงอายุนี้ จะยอมแพ้กับทั้งวันเลยหรือเปล่า ก็ไม่ ดังนั้นก็ไม่ได้หมายถึงว่าทั้งวันจะเป็นวันที่แย่ทั้งวัน

22.ไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าจะไปช้ากว่าคนอื่น แต่ขอให้กังวลดีกว่าว่าจะยอมแพ้ไหม

23.มันไม่ได้สายเกินไป

24.ในช่วงการปลูก Hairy Bamboo 4 ปีแรกเราจะไม่เห็นมันสูง ทำให้หลายคนถอดใจ แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 5 มันสามารถสูงได้อย่างรวดเร็ว เพราะช่วงแรกมันกำลังวางรากฐานเพื่อเตรียมตัวการเจริญเติบโต

25.การเตรียมตัวไม่ได้ทำได้ง่ายๆ

26.แม้ว่าเราจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง แต่อยากให้ทำต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับหนอนที่กลายเป็นผีเสื้อ ในช่วงแรกอาจจะคลานไปได้ไม่ไกล แต่เมื่อเป็นผีเสื้อสามารถโบยบินและเดินทางไปได้ไกล

27.Better me tomorrow = ขอให้เจริญเติบโตกลายเป็นคนที่ดีกว่าวันนี้

“ดอกไม้แต่ละชนิดผลิบานในฤดูกาลของมันเอง ตอนนี้คุณอาจยังไม่ถึงช่วงเวลาของคุณ อาจสายไปหน่อยเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่ถ้าฤดูนั้นมาถึง คุณจะงดงามไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่น” — คิมรันโด